ทฤษฎีกำเนิดจักรวาล มีหลายแบบที่นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างเสนอมา แต่ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์และคิดว่าเป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ “ทฤษฎี Big Bang
ทฤษฎี Big Bang
- จุดเริ่มต้น: ประมาณ 13.8 พันล้านปีที่แล้ว, จักรวาลเริ่มเกิดจากสถานะ “สิ่งเดียว” ซึ่งมีขนาดเล็กมาก และมีความร้อนและความหนาแน่นมากมาย.
- การขยายตัว: จากสถานะต้นแต่งนั้น, จักรวาลเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่สั้นมาก. ฟิสิกส์ที่ใช้ในการอธิบายระบบที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้คือ “ฟิสิกส์จักรวาลวิทยา”.
- การเปลี่ยนแปลง: ตามเวลา, จักรวาลที่ขยายตัวเรื่อยๆ เริ่มหนาแน่นลงและเย็นลง. โปรตอน, เนวตรอน, และอิเล็กตรอนเริ่มรวมตัวเป็นนิวเคลียส ซึ่งต่อมาเกิดเป็นดาว.
- การพัฒนาของจักรวาล: ดาวแรกเริ่มเกิดจากก๊าซโมเลกุลในจักรวาล. การเผาผลาญทางนิวเคลียสในดาวเกิดการรวมตัวของอะตอม สร้างธาตุที่หนักขึ้นเช่น คาร์บอน, ไนโตรเจน, ออกซิเจน, และอื่นๆ จากนั้น, ขยะดาวเกิดครั้งเต็มที่และจากพัฒนาการต่อเนื่องทำให้เกิดโลกและระบบสุริยะ
- โลก: โลกเกิดจากการรวมตัวของฝุ่นและหินซึ่งประกอบด้วยธาตุต่างๆที่ถูกสร้างในดาว. การกระแทกของฝุ่นและหินเหล่านี้ทำให้เกิดการเผาผลาญและรวมตัวเป็นโลก.
จักรวาลยังคงขยายตัวจนถึงปัจจุบัน และทฤษฎี Big Bang ยังเป็นทฤษฎีที่น่าเชื่อถือและได้รับการยืนยันจากการสังเกตุการณ์ทางดาราศาสตร์หลายประการ เช่น การแพร่กระจายของกาแล็คซี่, พื้นหลังคลื่นวิทยุของจักรวาล (CMB) และอื่นๆ.
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ ทฤษฎี Big Bang
- การขยายตัวของจักรวาล
- รังสีไมโครเวฟพื้นหลังของเอกภพ (Cosmic Microwave Background - CMB)
- สารสัมพันธ์สัมบูรณ์ของโฮบเบิล (Hubble’s Law)
- แฟล็คชันของการเกิดจักรวาล (cosmic inflation)
- สสารมืด (dark matter)
- พลังงานมืด (dark energy)
- สิ่งที่เกิดขึ้นก่อน big bang
- การสังเคราะห์นิวเคลียสหลังจาก Big Bang (Big Bang Nucleosynthesis)
- โครงสร้างของจักรวาลระยะใหญ่ (Large scale structure)
- การเกิดและพัฒนาของกาแลคซี (Galaxy formation and evolution)