หลุมดำ (Black hole) : แม้แต่แสงก็หนีไม่ได้

หลุมดำ

หลุมดำ (Black hole) คืออะไร

หลุมดำ (Black hole) คือวัตถุอวกาศที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาลจนแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหนีออกจากได้ หลุมดำเกิดจากการสลายตัวของดาวฤกษ์ที่หมดอายุขัยแล้ว โดยแกนกลางของดาวฤกษ์จะยุบตัวลงจนเหลือเพียงวัตถุขนาดเล็กที่มีความหนาแน่นสูงมาก หลุมดำแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

หลุมดำแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

  • หลุมดำมวลยวดยิ่ง (Supermassive black hole) :  พบได้ทั่วไปในใจกลางของกาแล็กซี อาจมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์หลายพันล้านดวง
  • หลุมดำมวลขนาดกลาง (Intermediate-mass black hole) มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์หลายล้านดวง
  • หลุมดำมวลดาว (Stellar-mass black hole) มีมวลเท่ากับหรือมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 10 เท่า

ขอบฟ้าเหตุการณ์

หลุมดำมีขอบเขตที่เรียกว่า “ขอบฟ้าเหตุการณ์” (Event horizon) ซึ่งเป็นขอบเขตที่แม้แต่แสงก็ไม่สามารถหนีออกจากได้ วัตถุใดๆ ที่ตกลงไปในขอบฟ้าเหตุการณ์จะไม่สามารถกลับมาได้อีก หลุมดำจึงถูกเรียกว่า “ความตายที่แท้จริง

นักดาราศาสตร์สามารถตรวจจับหลุมดำได้จากการสังเกตวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบๆ หลุมดำ เช่น ดาวฤกษ์หรือก๊าซ ซึ่งจะเกิดการโคจรรอบหลุมดำด้วยความเร็วสูงมาก นอกจากนี้ หลุมดำยังอาจปล่อยรังสีเอกซ์ออกมาได้อีกด้วย

หลุมดำเป็นวัตถุอวกาศที่มีความลึกลับและน่าค้นหา นักดาราศาสตร์ยังคงศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับหลุมดำอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราอาจค้นพบสิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับหลุมดำได้อีกมาก

การค้นพบหลุมดำ

การค้นพบหลุมดำเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ หลุมดำเป็นวัตถุอวกาศที่มีแรงโน้มถ่วงมหาศาลจนแม้แต่แสงก็ไม่สามารถหนีออกจากได้ หลุมดำเกิดจากการสลายตัวของดาวฤกษ์ที่หมดอายุขัยแล้ว โดยแกนกลางของดาวฤกษ์จะยุบตัวลงจนเหลือเพียงวัตถุขนาดเล็กที่มีความหนาแน่นสูงมาก

การค้นพบหลุมดำครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1974 โดยนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ โรเบิร์ต เอช. โอเพนไฮเมอร์ (Robert H. Oppenheimer) และเพื่อนร่วมงาน โดยพวกเขาได้คำนวณว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 20 เท่า เมื่อหมดอายุขัยแล้ว จะยุบตัวลงกลายเป็นหลุมดำ

การค้นพบหลุมดำอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 โดยนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ สแตนลีย์ ริเพล (Stanley Ryle) และเพื่อนร่วมงาน โดยพวกเขาได้สังเกตเห็นการบิดเบือนของแสงจากกาแล็กซีไกลโพ้น เมื่อแสงผ่านบริเวณที่มีหลุมดำมวลยวดยิ่งอยู่

นับตั้งแต่นั้นมา นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบหลุมดำอีกเป็นจำนวนมาก โดยหลุมดำที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ค้นพบในปัจจุบันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 30,000 ล้านเท่ามีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 30,000 ล้านเท่า

การค้นพบหลุมดำช่วยให้นักดาราศาสตร์เข้าใจจักรวาลของเราได้ดียิ่งขึ้น หลุมดำเป็นวัตถุอวกาศที่มีความสำคัญต่อการก่อตัวและวิวัฒนาการของจักรวาล หลุมดำมวลยวดยิ่งอาจเป็นแหล่งกำเนิดของรังสีเอกซ์ และอาจส่งผลต่อการก่อตัวของกาแล็กซี

เหตุการณ์สำคัญในการค้นพบหลุมดำ

  • ปี ค.ศ. 1915 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ซึ่งอธิบายว่าหลุมดำเกิดขึ้นได้อย่างไร
  • ปี ค.ศ. 1939 โรเบิร์ต เอช. ออพ เพนไฮเมอร์ และเพื่อนร่วมงาน คำนวณว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 20 เท่า เมื่อหมดอายุขัยแล้ว จะยุบตัวลงกลายเป็นหลุมดำ
  • ปี ค.ศ. 1974 โรเบิร์ต เอช. ออพ เพนไฮเมอร์ และเพื่อนร่วมงาน ตีพิมพ์บทความในวารสาร Nature สรุปผลการวิจัยของพวกเขาว่าหลุมดำมีอยู่จริง
  • ปี ค.ศ. 1994 สแตนลีย์ รีเพลย์ และเพื่อนร่วมงาน สังเกตเห็นการบิดเบือนของแสงจากกาแล็กซีไกลโพ้น เมื่อแสงผ่านบริเวณที่มีหลุมดำมวลยวดยิ่งอยู่
  • ปี ค.ศ. 2002 ทีมนักดาราศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) ค้นพบหลุมดำมวลยวดยิ่งที่อยู่ใกล้กับใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก
  • ปี ค.ศ. 2019 ทีมนักดาราศาสตร์จากองค์การอวกาศยุโรป (ESA) และองค์การนาซา (NASA) ถ่ายภาพหลุมดำมวลยวดยิ่งที่อยู่ใจกลางกาแล็กซี M87
  • ปี ค.ศ. 2023 ทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดอรัม (Durham University) ในสหราชอาณาจักร ค้นพบหลุมดำมวลยิ่งยวดที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 30,000 ล้านเท่า

การค้นพบหลุมดำยังคงดำเนินต่อไป นักดาราศาสตร์ยังคงศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับหลุมดำอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราอาจค้นพบสิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับหลุมดำได้อีกมากการค้นพบหลุมดำยังคงดำเนินต่อไป นักดาราศาสตร์ยังคงศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับหลุมดำอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราอาจค้นพบสิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับหลุมดำได้อีกมาก

เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ?